7. การสร้างสรรค์เกมรุก
ในแต่ล่ะตำแหน่งของบาสเกตบอลมีหน้าที่ที่แตกต่างกันโดยนักกีฬาต้องศึกษาตำแหน่งที่ตนเองสนใจ
ในทีมประกอบด้วยผู้เล่น 5 คนในสนามซึ่งแต่ละคนก็จะมีตำแหน่งที่แตกต่างกันคือ
1. point guard
2. shooting guard
3. small forward
4. power forward
5. center
แต่ปัจจุบันบ้านเราอาจจะเรียกรวมกัน เช่น การ์ด ปีก เซ็นเตอร์ ทำให้เวลาดู NBA หลายๆคนอาจจะงงว่า ทำไม ไม่เหมือนกันแล้วแต่ละตำแหน่งทำอะไรบ้างและบางตำแหน่งนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก บทความนี้จึงมาช่วยอธิบายให้เข้าใจความหมายของแต่ละตำแหน่งให้ชัดเจนขึ้น
1. Point Guard
Point guard คือตำแหน่งที่เป็นผู้นำทีมในการบุก เป็นคนเปิดเกมบุกด้วยการพาบอลมาฝั่งคู่ต่อสู้ เรียกแผน อีกทั้งยังเป็นคนคุมจังหวะช้าเร็วในการเล่นของเพื่อน PG ต้องเข้าใจความสามารถทั้งจุดเด่นและจุดด่อยของเพื่อนในทีมเพื่อที่จะเลือกจ่ายบอลให้เพื่อนได้ถูกที่ถูกเวลา คนที่เล่นตำแหน่งPG ได้ดีนอกจากจ่ายบอลดีแล้วจะต้องเป็นคนที่กล้าตัดสินใจและมีความเป็นผู้นำสูงเพื่อสร้างสมดุลและแนวทางการเล่นของทีม โดยส่วนใหญ่แล้ว PG มักจะเป็นคนตัวเล็กและรวดเร็ว แต่ก็ไม่จำเป็นแบบนั้นเสมอไปเช่น Magic Johnson ตำนานยอด PG ของ Laker ที่สูง 6 ฟุต 8 นิ้ว (206 เซนติเมตร) แต่มีทักษะการมองหาช่องว่างของเพื่อนและการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยม
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าตำแหน่ง PG ไม่ใช่ตำแหน่งของคนตัวเล็กแต่เป็นตำแหน่งที่คุมทิศทางของทีมเพียงแค่เราจะชินตากับการที่คนตัวเล็กเป็น PG เท่านั้นเอง
หน้าที่หลักของ PG
- PG ต้องควบคุมจังหวะของเกมและสามารถวิ่ง fast break ได้อย่างรวดเร็ว
- โดยปรกติ PG จะเป็นผู้เล่นที่รวดเร็วบนสนามและควรจะสามารถเลี้ยงบอลเข้าหาห่วงได้เพื่อเปิดช่องว่างให้เพื่อนหรือทำแต้มเอง
- PG และ โค๊ช ต้องสื่อสารทำความเข้าใจให้ตรงกันและชัดเจน เพราะในสนาม PG คือคนที่สั่งเพื่อนเป็นเหมือน”โค๊ชในสนาม” อีกที
สั่งเพื่อนได้ในเกมบุก
-นอกจากนี้ PG ที่ดีต้องรู้จักควบคุมเพื่อนในทีมเช่นการใช้คำพูด การสั่งเพื่อนในทีมที่แตกต่างกัน เพราะต่างคนต่างมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกัน บางคนชอบให้พูดนิ่มๆเข้าใจง่าย บางคนชอบให้กระตุ้นแบบพูดดังๆให้ความมั่นใจมา เพื่อให้คนๆนั้นสามารถเรียกใช้ความสามารถของตัวเองได้ถึงขีดสุด
ในส่วนของการป้องกัน PG มีหน้าที่ต้องทำให้คนถือบอลช้าลง โดยปรกติแล้ว PG จะไม่ค่อยได้รับหน้าที่ป้องกันแบบหนักๆ แต่อย่างไรก็ตาม PG ควรจะสามารถหยุดหรือทำให้การเคลื่อนบอลของคู่ต่อสู้ช้าลง (ป้องกัน fast break หรือ ทำให้จ่ายบอลยาก)
2. Shooting Guard
Shooting guard ตามชื่อของตำแหน่งเลยคือ มีหน้าที่หลักคือการชูตจากวงนอกทั้งระยะสามแต้มและระยะกลาง นอกจากนี้ SG ต้องมีทักษณะในการเลี้ยงบอลและจ่ายบอลที่มากพอที่จะช่วย PG ด้วย รวมไปถึงการการวิ่งเติมช่องคู่กับ PG ในการ fast break โดยทั่วไป SG ผู้เล่นจะตัวใหญ่กว่า PG แต่จะไม่ใหญ่เท่า SF หรือ PF และร่างกายที่แข็งในระดับหนึ่งเพื่อการทำแต้มที่หลากหลาย ผู้เล่นที่ดีที่สุดตำแหน่งนี้คือ Michael Jordan ที่สามารถทำได้แทบทุกอย่างโดยเฉพาะการบุกที่แน่นอน สามารถทำแต้มได้ทุกระยะ ทั้งสามแต้ม จั๊มชูตระยะกลาง หาช่องว่างเข้าไปเลย์อัพและจ่ายให้เพื่อนได้ดี รวมไปถึงการป้องกันผู้วงนอกของฝั่งตรงข้ามที่ยอดเยี่ยม
สำหรับผู้เล่น SG ต้องเป็นผู้เล่นที่จิตใจที่นิ่ง มีความมั่นใจในตัวเองสูง ต้องสามารถตัดสินใจในการทำแต้มได้อย่างเลือดเย็น หรือเรียกว่าต้องมีสัญชาตญาณนักฆ่า เพราะเป็นผู้เล่นที่ต้องทำแต้มได้และแบกรับคำว่า เห็นแก่ตัว อยู่ในตัว
หน้าที่หลักของ SG
-ทำแต้ม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากวงนอก สามแต้ม) เพราะ SG คือผู้เล่นที่จะมีโอกาสในการชู๊ตมากที่สุด
-SG อาจจะไม่ใช่ผู้เล่นที่เลี้ยงบอลคล่องก็ได้แต่ต้องเป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลได้ดี เพื่อช่วยเชื่อมบอลจาก PG ไปให้ผู้เล่นวงในได้ง่ายขึ้น
-SG ต้องวิ่งหาช่องว่างได้ดี เพื่อที่จะสามารถรับบอลแล้วยิงได้เลย (catch and shoot) และต้องยิงบอลได้อย่างรวดเร็ว เพราะช่องว่าที่หามาได้มักจะอยู่ได้ไม่นาน
-SG ต้องยิงระยะไกลได้ดี บังคับให้คนป้องกันต้องออกมาปิดเพื่อให้วงในเล่นได้ง่ายมากขึ้น
SG ต้องเป็นผู้เล่นที่ป้องกันวงนอกได้ดี หน้าที่ป้องกันของ SG นั้นค่อนข้างหนักพอๆกับการทำแต้มเพราะ SG ฝั่งตรงข้ามก็เป็นคนที่ทำแต้มได้ดีเช่นกัน ทำให้โดยปรกติ SG จะเป็นตำแหน่งที่โดนเปลี่ยนตัวง่ายบ่อย เพราะต้องใช้พลังมากในการป้องการผู้เล่นที่บุกเก่งและยังต้องมีแรงพอเพื่อทำแต้มอีก
3. Small Forward
Small forward คือตำแหน่งที่ต้องทำได้ทุกอย่าง SF คือตรงกลางระหว่าง SG และ PF ด้วยการที่มีทั้งความสูงและความเร็ว ทำให้ SF ป้องกันได้หลายตำแหน่งรวมไปถึงเป็นตัวทำแต้มที่ดีอีกด้วย SF คือตัวทำแต้มจากวงนอกด้วยการยิง แต่ก็เข้ามาเล่นวงในได้เช่นกันเมื่อจำเป็น จุดเด่นของ SF คือการทำแต้มระยะกลาง และ การเลี้ยงบอลเข้าไปหาห่วงไม่ว่าจะเลย์อัพหรือดั๊ง ส่วนยิงสามแต้มอาจจะไม่ใช่หน้าที่หลักแต่ถ้าทำได้ก็จะดีมาก ในปัจจุบัน SG และ SF มีหน้าที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันมากทำให้สองตำแหน่งนี้อาจถูกเรียกได้ว่าตำแหน่ง “ปีก” เหมือนกัน
SF คือผู้เล่นที่ทำหน้าที่คล้าย SG แต่จะอยู่ในระยะสองแต้มซะเป็นส่วนใหญ่ พร้อมกันเสริมกำลังในส่วนที่ต้องของทีมเรียกได้ว่าตัวสารพัดประโยชน์แต่จะไม่เน้นไปด้านใดด้านหนึ่ง
หน้าที่หลักของ SF
-A quick first step is a small forward’s best friend การออกตัวที่รวดเร็วคือเพื่อนแท้ของ SF เพราะ SF สามารถทำหน้าที่ fast break หรือ ทำแต้มจากการแหวกเข้าไปเลย์
-SF ต้องแข็งแรงพอที่จะรับแรงปะทะการเจาะของมาเล่นวงในของคู่ต่อสู้ รวมไปถึงเป็นด่านแรกในการป้องกัน SF ฝั่งตรงข้ามให้ช้าลงหรือบีบให้อยู่ในตำแหน่งที่ C ทีมตัวเองป้องกันได้ง่าย
-เป็นตัวเก็บฟาว์ล เพราะการทำแต้มของ SF ค่อนข้างจะต้องมีการปะทะ เช่นเจาะเข้าไปเลย์อัพ มักจะได้ฟาว์ลจะผู้เล่นตัวใหญ่ของฝั่งตรงข้าม
SF นั้นต้องป้องกันได้ทั้งผู้เล่นที่ตัวใหญ่กว่าและตัวเล็กกว่า เพราะในกรณีโดน pick-and-rolls หรือ fast breaks SF นั้นจำเป็นตัวเปลี่ยนตัวประกบ ตัว SF ต้องมีความหลากหลายพอที่จะป้องกัน อาจจะป้องกันไม่ได้ 100% แต่ก็ทำให้คู่ต่อสู้ช้าลงหรือเล่นลำบากขึ้น
5. Power Forward
Power forward คือผู้เล่นตัวใหญ่ในทีมที่โดยทั่วไปแล้วจะทำหน้าที่รีบาวด์และทำแต้มบริเวณใกล้ห่วง PF นั้นต้องตัวใหญ่และแข็งแรงและเล่นแบบไม่มีบอลได้ดี เช่น screens เปิดทางให้เพื่อน, boxes out ตัวรีบาวด์ฝั่งตรงข้าม ไม่ให้ใครเข้ามาใต้แป้นง่ายๆ คนที่เด่นในตำแหน่งนี้คือ Karl Malone,Tim Duncan และ Pau Gasol
ในปัจจุบัน PF หลายคนอาจจะไม่เน้นทำแต้มแต่ไปเน้นที่การรีบาวด์และเป็นตัวบล๊อคที่ดี แต่อย่างไรก็ PF คือผู้เล่นที่มี Foot work ดีสามารถทำแต้มได้ด้วยการชิงจังหวะพลิกเข้าหาห่วง รวมไปถึงวิ่งตัดหาช่องว่างบริเวณใกล้ห่วง ทำให้แม้ว่าแต้มจะไม่มากแต่ %FG ค่อนข้างสูง
หน้าที่หลักของ PF
-ทำแต้มด้วย Post move ต่างๆ เช่น Drop Step, Spin move, ฺBack door lob, Hook shot เป็นต้น
-เล่นคู่กับ PG ด้วย Pick and Roll และยิงระยะกลาง
-ทำทางให้เพื่อนเช่น Screens หรือ Box out หรือแม้แต่
-มองหาและจ่ายบอลให้ผู้เล่นที่ว่างอยู่ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการโพสขอบอลแล้วจ่ายบอลให้ SG ยิงสามแต้มบริเวณมุม 180 องศา หรือ สอดบอลให้ SF ที่วิ่งตัดเข้ามาตรงกลางเพื่อเลย์อัพ
PF จะมีหน้าที่คล้าย SF เพียงแต่ไม่ทั่วสนามจะเฉพาะเจาะจงแต่บริเวณใกล้ห่วง โดยป้องกันด้วยการบล๊อค เก็บรีบาวด์แล้วสร้างโอกาสเกมบุกให้หลายขึ้น และยังเป็นตัวเก็บฟาว์ลที่ดีด้วยเช่นกัน หรือจะเรียกได้ PF คือ C ที่มีความคล่องสูงตัวนั้นเอง
5.Center
Center เป็นตำแหน่งที่โดยปรกติแล้วจะเป็นผู้เล่นที่ตัวใหญ่และสูงที่สุดในทีม อีกทั้งยังเป็นผู้เล่นที่อยู่ใกล้ห่วงมากที่สุดทั้งตอนรุกและรับ Centers นั้นคือผู้เล่นที่มีความสำคัญในเกมบุกมากเพราะสามารถใช้ความแข็งแรงไถเข้าไปทำแต้มเองได้หรือช่วยเสริมให้เพื่อนในทีมเล่นง่ายขึ้นด้วยการ screens หรือการถือบอลตรงกลางแล้วจ่ายบอลให้ตัวที่ตัดไปใต้แป้นหรือมีช่องว่าในการยิง ผู้เล่นที่เป็นตำนานหลายๆก็เล่นตำแหน่ง C เช่น Wilt Chamberlain, Bill Russell, Kareem, Shaq
C นั้นจะต้องมีการก้าวเท้าที่ไวและช่วงบนของร่างการที่แข็งแกร่งเพื่อชิงตำแหน่งในการบุก แต่อย่างในก็ตามจริงๆแล้ว C คือตำแหน่งที่มีส่วนสำคัญในเกมรับมากที่สุดเพราะจะมองเห็นการเคลื่อนไหวของทีมตรงข้ามมากที่สุด ทำให้เป็นคนที่บอกเพื่อนในทีมเวลาคู่ต่อสู้ตัดเอาบอล หรือ Screens ให้กัน
หน้าที่หลักของ Center
-C ต้องเป็นผู่เล่นที่สามารถบล๊อค ฝ่ายตรงข้ามที่เจาะเข้ามาใต้แป้น
-สามารถเป็นที่พักบอลให้เพื่อนได้ และจ่ายบอลเพื่อนที่พร้อมทำแต้ม
-เปิดทางให้เพื่อนด้วยการ Screens
-ทำแต้มบริเวณใต้แป้น โดยเฉพาะตอนที่ตัวประกบตัวเล็กกว่า
-สั่งเพื่อนและบอกตำแหน่งเพื่อนตอนป้องกัน
-รีบาวด์บอล
เมื่อก่อน C คือผู้เล่นทำแต้มหลักๆของทีมแต่ในปัจจุบัน C อาจบทบาทในการเล่นน้อยลง แต่ C ยังคงตำแหน่งที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนเกมได้เลย และจงจำไว้ว่า C ที่ดีที่สุดไม่ใช่คนที่สูงที่สุด หรือคนตัวสูงก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็น C แต่คนที่จะเป็น C ได้นั้นคือคนต้องการเป็นและรู้ว่าควรทำอะไรในบริเวณใต้แป้น
8. กฎของบาสเกตบอล กติกาเบื้องต้น
มีดังนี้
1. ห้ามผู้เล่นถือลูกบอลวิ่งเกิน 2 ก้าว
2. ผู้เล่นจะส่งบอลไปทิศทางใหนก็ได้ จะใช้มือเดียว-สองมือก็ได้
3. ผู้เล่นจะเลี้ยงบอลไปทิศทางใหนก็ได้ จะใช้มือเดียว-สองมือก็ได้
4. ผู้เล่นต้องใช้มือทั้งสองข้างครอบครองบอล และห้ามใช้ร่างกายช่วยในการครอบครองบอล
5. ในการเล่นห้ามใช้ไหล่กระแทก ห้ามใช้มือดึง ห้ามผลัก ห้ามตี หรือห้ามกระทำการใดๆให้ฝ่ายตรงข้ามล้มลง ถ้าผู้เล่นยังฝ่าฝืนถือเป็นการฟาวล์ 1 ครั้ง ถ้า ฟาวล์ครบ 5 ครั้ง ถือว่าหมดสิทธิ์เล่น
6. ห้ามใช้ขา-เท้าแตะลูก ถ้าฝ่าฝืนถือเป็นการฟาวล์ 1 ครั้ง แต่ไม่นับเป็นฟาว์ลรวม
7. ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำฟาวล์ติดกัน 5 ครั้ง ให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ยิงประตูเมื่อฟาว์ลครั้งต่อไป
8. เมื่อบอลลงในห่วงฝ่ายป้องกันแล้วฝ่ายบุกจะต้องไม่ไปยุ่งกับบอลโดยเด็ดขาด
9. เมื่อถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำลูกออกนอกสนาม อีกฝ่ายหนึ่งต้องส่งลูกเข้ามาในสนามจากขอบสนามภายใน 5 วินาที หากเกิน 5 วินาที ให้เปลี่ยนส่ง และหากผู้เล่นฝ่ายใดก็ตามพยายามถ่วงเวลาให้ปรับเป็นฟาวล์
10. ผู้ตัดสินมีหน้าที่ตัดสินว่าผู้เล่นคนใดทำฟาวล์ และมีหน้าที่ลงโทษให้ผู้เล่นหมดสิทธิ์การเล่น ถ้าเกิดการฟาว์ลที่รุนแรง
11. ผู้ตัดสินมีหน้าที่ตัดสินว่าลูกใดที่ออกนอกสนาม และฝ่ายใดควรเป็นฝ่ายส่งลูกเข้าสนาม และทำหน้าที่เป็นผู้รักษาเวลา,บันทึกจำนวนประตูที่ทำได้ และทำหน้าที่โดยทั่วไปตามวิสัยผู้ตัดสิน
12. การเล่นนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ครึ่ง ครึ่งละ 20 นาทีในอดีต แต่ในปัจจุบันแบ่งการเล่นออกเป็น 4 ควอเตอร์ ควอเตอร์ละ 10 นาที
13. ฝ่ายที่ทำประตูได้มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ แต่ในกรณีที่คะแนนเท่ากันให้ทำการต่อเวลาออกไปอีก
เกมการบาสเกตบอลจะแบ่ง 4 ควอเตอร์ (quarter) ซึ่งแต่ละควอเตอร์นั้นจะมี 10 นาที (สากล) หรือมีเพียง 12 นาที (เอ็นบีเอ) พักครึ่ง 15 นาที ส่วนพักอื่นๆอีก 2 นาที ช่วงต่อเวลา (overtime) นาน 5 นาทีทีมแต่ละทีมจะเริ่มสลับฝั่งช่วงครึ่งหลัง เวลาจะนับเฉพาะขณะที่เล่น และนาฬิกาจะหยุดนับเวลาเมื่อหยุดเกม ดังนั้น เวลาในการแข่งขันจึงยาวนานมาก (ประมาณสองชั่วโมง)
ในที่เริ่มเกมส์จะมีผู้เล่นในสนามฝ่ายละห้าคน และและจะมีตัวสำรองทีมละ 7 คน ซึ่งสามารถเปลี่ยนตัวผู่เล่นได้ไม่จำกัด การเปลี่ยนนั้นจะเปลี่ยนได้เฉพาะเมื่อเกมหยุดเท่านั้น ทีมยังคงมีโค้ชผู้ซึ่งคอยดูแลทีมและเป็นผู้วางกลยุทธ์ในการเล่น รวมถึงผู้ช่วยโค้, ผู้จัดการทีม, นักสถิติ, แพทย์และเทรนเนอร์
9.น้ำใจนักกีฬา
นอกจาก "ชัยชนะ" จะเป็นสิ่งที่นักกีฬาทุกคนต้องการให้เกิดขึ้นกับทีมของตัวเองแล้ว และสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามเช่นกัน คือความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา เพราะกีฬาสอนให้คนรู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้จักอภัย
ขอแนะนำ 10 วิธีของการมีน้ำใจเป็นนักกีฬามาฝากกัน ดังนี้
1.ปฏิบัติตามกฎกติกาการแข่งขัน
2.พยายามหลีกเลี่ยงการโต้เถียง
3.รับผิดชอบร่วมกับทีม
4.ช่วยเหลือเพื่อนนักกีฬาที่อ่อนกว่า
5.เล่นอย่างขาวสะอาด
6.ทำตามคำสั่งของโค้ช
7.เคารพความสามารถของทีมคู่แข่ง
8.กระตุ้นเพื่อนร่วมทีม
9.ยอมรับคำตัดสินของกรรมการ
10.จบเกมอย่างราบรื่น
ที่มา nba-time ตำแหน่งและหน้าที่ของผู้เล่น Thailandbasketball, กฎกติกาบาสเกตบอล.wuttichai thiamkeeree, น้ำใจนักกีฬา.